Wansika Probiotic
PROBIOTIC
Wansika โพรไบโอติค กับงานวิจัย
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลงานวิจัยเป็นของตนเอง โดยท่าน ดร.เพิ่มพงษ์ ศรีประเสริฐศักดิ์ ที่ทำงานวิจัยด้านโพรไบโอติกมากว่า 200 ผลงานทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2524
อีกทั้งได้พัฒนาและต่อยอดนวัตกรรม เพื่อไม่ให้จุลทรีย์ตายก่อนที่จะถึงลำไส้และกระเพาะอาหาร รวมถึงมีความสมบูรณ์ครบครันแบบ 3 in 1 ที่เป็นหนึ่งเดียวของไทยคือ ทั้ง
1.โพรไบโอติก (Probiotic)
2.พรีไบโอติก (Prebiotic)
3.โพ๊สไบโอติก (Postbiotic)
อย่างที่เราทราบกันดีว่าโพรไบโอติกนั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากมาย แต่สาระสำคัญคือ จุลินทรีย์นั้นตายง่ายมาก เพียงแค่โดนน้ำลายของเรา หรือเจอความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย น้ำย่อย อุณหภูมิความร้อน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำให้จุลินทรีย์โพรไบโอติก นั้นตายทั้งๆที่ยังไม่ถึงกระเพาะอาหารหรือลำไส้คนเราด้วยซ้ำไป ดังนั้นสิ่งที่ควรจะได้ประโยชน์จากจุลินทรีย์โพรไบโอติกอย่างสูงสุด ก็เลยลดประสิทธิภาพลงไปอย่างมาก
“วันสิกา โพรไบโอติก” คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า “แคริเออร์” (Karrier) คือนวัตกรรมการห่อหุ้มเพื่อไม่ให้จุลินทรีย์ตาย และยังคงมีชีวิตอยู่ได้ กล่าวคือปกติจุลินทรีย์จะมีความสามารถในการทนต่อความเป็นกรด-ด่างได้เพียง (Ph 2.5) เท่านั้น แต่วันสิกาโพรไบโอติก สามารถทดความเป็นกรด-ด่างได้ถึง 8.0 Ph และยังมีชีวิตอยู่ได้แม้เจอน้ำลาย น้ำย่อย ต่างๆ ด้วยนวัตกรรมจากงานวิจัยใหม่ล่าสุด ด้วยการใช้ข้าวโอ๊ตเป็นตัวห่อหุ้ม ทำให้จุลินทรีย์มีชีวิตอยู่ได้ในกระเพาะอาหารนานถึง 8 ชม. และยังมีชีวิตอยู่ได้ในลำไส้ได้นานถึง 3 ชม.อีกด้วย
อีกทั้งการที่จุลินทรีย์โพรไบโอติก มีชีวิตอยู่ได้นั้น จำเป็นต้องมีอาหารในการหล่อเลี้ยง ซึ่งปกติทั่วไปมักจะใช้น้ำตาลเป็นตัวหล่อเลี้ยง(อาหารจุลินทรีย์) เพื่อให้จุลินทรีย์มีชีวิตอยู่ได้หรือในบรรจุภัณฑ์ หรือที่เรียกว่า “พรีไบโอติก” แต่ด้วยน้ำตาลเป็นอาหารของจุลินทรีย์ได้ดี แต่มักเกิดโทษต่อคนเราหากรับประทานเข้าไปในปริมาณมาก ด้วยนวัตกรรมที่เราใช้คือ การใช้ “ข้าวโอ๊ต”ให้เป็นอาหารของจุลินทรีย์แทนน้ำตาล และคุณสมบัติความเหนียวนี้ ยังทำหน้าที่ในการห่อหุ้มจุลินทรีย์ได้ดีเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นพรีไอโอติก(ข้าวโอ๊ต) นั้น ยังมีประโยชน์และยังเป็นอาหารของเซลล์ในร่างกายของเราได้อีกด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์ 2 ต่อเลยทีเดียว
มาทำความรู้จักโพรไบโอติกคืออะไร
โพรไบโอติก (Probiotic) คือ
จุลินทรีย์ขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในส่วนระบบทางเดินอาหาร รวมถึงในระบบอื่นๆ ของร่างกาย โพรไบโอติกถือเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เนื่องจากมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ช่วยดูดซึมอาหาร ป้องกันโรค สังเคราะห์วิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ชนิดก่อโรคเกิดขึ้นในร่างกาย ร่างกายเราเต็มไปด้วยจุลินทรีย์มากถึง 100 ล้านล้านตัว ในขณะที่เซลล์มนุษย์มีเพียงแค่ 10 ล้านล้านเซลล์เท่านั้น ซึ่งจุลินทรีย์จะอยู่รวมกันเป็นสังคมขนาดใหญ่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย อย่างเช่น ในกระเพาะ ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ จะมีจุลินทรีย์อยู่มากถึง กว่า 100,000 ล้านตัว ทีเดียว และมีอยู่มากมายสายพันธุ์ โดยจุลินทรีย์ทั้งหมดนี้ 85% จัดเป็นจุลินทรีย์ดีที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเราเรียกจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เหล่านี้ว่า โพรไบโอติก
จุลินทรีย์โพรไบโอติกพบในส่วนใดของร่างกายจุลินทรีย์โพรไบโอติก ส่วนมากสามารถพบได้ในระบบทางเดินอาหารของร่างกาย โพรไบโอติกในระบบทางเดินอาหารจะทนทานต่อกรดและด่าง เมื่ออยู่ที่บริเวณผิวของเยื่อบุลำไส้จะสามารถผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ดีได้ ทำให้ลำไส้แข็งแรง นอกจากในระบบทางเดินอาหารแล้ว ยังพบโพรไบโอติกในบริเวณอื่นๆ ของร่างกายอีกด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ในระบบทางเดินหายใจ ภายในช่องปาก บริเวณผิวหนัง ทางเดินปัสสาวะ และมดลูก เป็นต้น
“วันสิกา” โพรไบโอติก แตกต่างจากโพรไบโอติกทั่วไปอย่างไร
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลงานวิจัยเป็นของตนเอง โดยท่าน ดร.เพิ่มพงษ์ ศรีประเสริฐศักดิ์ ที่ผ่านคิดค้นคว้าวิจัย ร่วมกับสถานทั้งของประเทศญี่ปุ่นและสถาบันมหาลัยเกษตรศาสตร์ของไทย มากกว่า 200 ผลงาน เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพแบบองค์รวมทั้งต่อคนไทยและมวลมนุษยชาติ
ความแตกต่างโพรไบโอติกส์กับพรีไบโอติกส์
โพรไบโอติกส์
โพรไบโอติกส์จะเป็นจุลินทรีย์ที่สามารถพบได้ในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร สร้างเกราะป้องกันบริเวณเยื่อบุลำไส้ กระตุ้นระบบการย่อยอาหารในร่างกายจากการสร้างเอมไซม์ รวมถึงช่วยรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกายที่เสียไป
พรีไบโอติกส์คือ....?
พรีไบโอติกส์คือสิ่งมีชีวิตที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายและดูดซึมได้ แต่สามารถย่อยสลายได้โดยจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ ทำให้โพรไบโอติกส์เติบโต กล่าวคือ พรีโบโอติกเป็นอาหารของโพรไบโอติกส์นั่นเอง และพรีไบโอติกส์พบได้ใน
ผัก : เช่น แก่นตะวัน หอมหัวแดง กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง
ข้าว แป้ง ธัชพืชไม่ขัดสี : เช่น ถั่วเหลือง ถั่วดง กระเทียม หัวหอม
ถั่วเมล็ดแห้ง : ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วชิคพี ถั่วลันเตา
ผลไม้ : กล้วย แอปเปิ้ล
ถั่วเปลือกแข็ง : เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ พิตาชิโอ
จะเห็นได้ว่า เราสามารถเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กับร่างกายหรือที่เรียกว่า “Probiotics” ได้โดยตรงและสามารถกินอาหารที่มี “Prebiotics” ซึ่งเป็นอาหารของ Probiotics เช่น กล้วย แอปเปิ้ล หอมหัวแดง กระเทียม ข้าวโอ๊ต ถั่วเหลือง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดการเกิดโรคในลำไส้ เช่น ท้องเสีย ท้องอืด มะเร็งลำไส้ ช่วยการดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยลดภาวะอ้วน ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
โพสไบโอติกส์คือ....?
นวัตกรรมแห่งอนาคต
ในเมื่อเราทานโพรไบโอติกเข้าไปเพื่อหวังประโยชน์ให้เชื้อดีๆ เหล่านี้ช่วยสร้างสารที่ดีต่อต่างๆ ต่อร่างกายขึ้นมา โพสไบโอติก คือสารที่เหล่าจุลินทรีย์ดีๆ สร้างขึ้นมาซึ่งมี หลายชนิดไม่ว่าเป็น กรดไขมันสายสั้น เปปไทด์ มูโคเปปไทด์ (Mucopeptides) เทโคอิค แอซิด (Teichoic acid) เป็นต้น มีประโยชน์กับสุขภาพของเรา โพสไบโอติกนั้นจริงๆ อยู่คู่กับ โพรไบโอติก หรืออีกนัยหนึ่งคือประโยชน์ของโพรไบโอติกนั่นเอง แม้เชื้อตายไปแล้วแต่สารที่เชื้อผลิตมานั้นยังคงอยู่ แต่การสกัดออกมาแล้วรับประทานโดยตรงเลยนั้น ช่วยตัดปัญหาเรื่องของความสามารถในอยู่รอดการเชื้อดีๆ หรือเหมาะสำหรับบางคนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เด็กเล็ก ช่วยลดการอักเสบ เช่น การอักเสบที่เกิดการรับประทานกลูเตน ได้รับผลประโยชน์ที่แน่นอนเฉพาะเจาะจงมากกว่า เป็นต้น ตัวอย่างเช่นโพสไบโอติกที่เริ่มมีมาขายในตลาด เช่น โปรตีนไฮโดรไลเซทจาก Saccharomyces cerevisiae (ซึ่งเป็นยีสต์ที่ใช้ในการหมักเบียร์) โดยคุณสมบัติโปรตีนชนิดนี้คือช่วยให้อิ่ม ทำให้ลดการรับประทานอาหาร และส่งผลต่อการลดน้ำหนัก (แต่การทดลองยังเป็นกลุ่มเล็ก) อีกตัวนึงที่น่าสนใจคือ Immunopeptide extract จากโพรไบโอติก หรือ Heat Killed Lactobacillus Plantarum L137 (HK L-137) ซึ่งเป็นโพสไบโอติกที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้ หรือผลิตภัณฑ์ butyrate ต่างๆ เป็นต้น
ประโยชน์ของโพสไบโอติก
ด้วยความที่โพสไบโอติกเกี่ยวข้องกับโพรไบโอติก คุณประโยชน์ที่ได้จึงคล้ายคลึงกันอย่างมาก ทว่าโพสไบโอติกอาจมีความเสี่ยงต่ำกว่าการรับประทานโพรไบโอติก เนื่องจากเป็นเพียงผลผลิตจากเชื้อแบคทีเรีย ไม่ใช่ตัวเชื้อแบคทีเรียที่หากรับประทานในปริมาณมากขึ้นอาจส่งผลให้ท้องอืดหรือท้องเสีย
โดยตัวอย่างประโยชน์ของโพสไบโอติกที่มีการศึกษาค้นคว้ากันในปัจจุบันจะมีดังนี้
-ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย บรรเทาอาการจากโรคภูมิแพ้
-บรรเทาอาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย
-ป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ในร่างกาย
-ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เช่น รักษาอาการโคลิคในเด็ก ช่วยลดน้ำหนัก ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยในการผลิตฮอร์โมนออกซิโทซินอันมีส่วนช่วยในการคลอดลูก และต่อต้านมะเร็ง
ประโยชน์
1. สร้างสมดุลให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย
โพรไบโอติกส์สามารถป้องกันและบรรเทาได้ทั้งอาการท้องเสียและท้องผูก เป็นตัวช่วยในการสร้างสมดุลให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายของร่างกาย โพรไบโอติกส์กลุ่มแลคโตบาซิลลัส ช่วยลดการอักเสบของลำไส้ ปรับสภาพของระบบทางเดินอาหารให้กลับมาสู่สภาวะปกติได้
2. กระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย
โพรไบโอติกส์สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ การมีโพรไบโอติกส์ในระบบทางเดินอาหารที่เพียงพอจะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายป้องกันการติดเชื้อได้มากยิ่งขึ้น ลดการติดเชื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ลดการติดเชื้อในบริเวณปอด เพิ่มภูมิคุ้มกันในลำไส้และกระแสเลือด
3. รักษาบรรเทาโรคกระเพาะ
การใช้โพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์ร่วมกันจะสามารถป้องกันและบรรเทาโรคในระบบทางเดินอาหารได้ โรคกระเพาะก็เช่นกัน ด้วยวิธีนี้จะสามารถป้องกันโรคกระเพาะและและกรดไหลย้อนซึ่งเป็นโรคในกลุ่มทางเดินอาหารที่มักจะพบร่วมกันได้
4. ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่มีโอกาสสร้างสารก่อมะเร็งหรือเป็นตัวร่วมในการก่อมะเร็งได้ สารในกลุ่มไนโตรเจนและอะโรมาติคเอมีนจากอาหารประเภทไขมันและเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ สามารถเพิ่มขึ้นจากสะสมของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ได้ การมีโพรไบโอติกส์จะช่วยเปลี่ยนสภาพแบคทีเรียในลำไส้ ป้องกันการเกิดสารดังกล่าวได้
5. ลดอาการอักเสบและภูมิแพ้
การมีโพรไบโอติกส์ในร่างกายที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้นกันต่อการติดเชื้อได้ดี โพรไบโอติกส์จะช่วยปรับสภาพภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดอาการอักเสบ ช่วยให้ปัญหาภูมิแพ้ลดลง แก้อาการภูมิแพ้ มีน้ำมูก ผื่นคัน หอบหืด หรือบรรเทาอาการเรื้อรังของโรคภูมิแพ้ได้
6. ช่วยเรื่องระบบทางเดินปัสสาวะ
แบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสช่วยลดการอักเสบติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะส่วนปลาย ลดการสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคปัสสาวะอักเสบ รวมถึงป้องกันปัญหาการติดชื้อในช่องคลิดและปากช่องคลอดของผู้หญิงที่เป็นส่วนให้เกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอีกด้วย
“วันสิการโพรไบโอติก”
ช่วยบรรเทาโรคใดได้บ้าง
*โรคระบบทางเดินอาหาร
-อาการลำไส้แปรปรวน
-กรดไหลย้อน
-ท้องผูก
-ท้องร่วงอันเกิดจากรับประทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ภาวะไม่ทนต่อน้ำตาลแลคโตส
*โรคภูมิแพ้
-ผื่นแพ้ผิวหนัง
-ภูมิแพ้อาการ
-หอบ หืด
*โรคทางอวัยวะสืบพันธุ์
-ภาวะติดเชื้อในช่องคลอด
-ช่องคลอดแห้งหลังหมดประจำเดือน
-ภาวะการตกขาว
*โรคทางระบบทางเดินปัสสวะ
-ภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสวะ
*โรคอื่นๆ
-ภาวะอ้วน
-โรคตับ
-ภาวะไขมันพอกตับ
-โรคโคลิคในเด็ก
กับภาวะ....? ลองโควิด
COVID-19
การระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่หายไปจากสังคม ทำให้จำนวนผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ในประเทศไทย แม้จะสามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็ต้องระวังอาการลองโควิด หรือในช่วง Home Isolation ระหว่างการกักตัว 14 วัน ก็ต้องหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายไม่ให้ภูมิคุ้มกันตก เกิดผื่นแดงโควิด ซึ่งอาการเหล่านี้ สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้โพรไบโอติกส์
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะผู้ป่วยลองโควิด-19 กินอาหารครบ 5 หมู่ ปรุงสุก สะอาด เน้นอาหารย่อยง่าย เลือกกินอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีน จุลินทรีย์สุขภาพ หรือโพรไบโอติกส์ (Probiotics) และวิตามินต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง และสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ลองโควิด (Long COVID) หรือ Post COVID-19 Syndrome คือ ภาวะของคนที่หายจากโควิด-19 แล้วแต่ยังต้องเผชิญกับอาการที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งอาการลองโควิดมีโอกาสเกิดขึ้นได้ 30 - 50 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว โดยเฉพาะ ผู้ที่มีอาการป่วยรุนแรง ดังนั้น ผู้ป่วยลองโควิด-19 ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของตนเองอยู่เสมอ ด้วยการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ปรุงสุก สะอาด เน้นอาหารย่อยง่าย เนื่องจากอาจมีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร และหากมีอาการเบื่ออาหาร ควรแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย ๆ หลาย ๆ มื้อ เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ตลอดวัน ไม่ให้ร่างกายอ่อนล้า อ่อนเพลีย และควรเลือกกินอาหารที่มีโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม เนยแข็ง ถั่วต่าง ๆ เต้าหู้ รวมทั้งบริโภคอาหารที่มีจุลินทรีย์สุขภาพ หรือโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ได้แก่ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว โดยควรเลือกชนิดที่มีนํ้าตาลน้อย กินร่วมกับอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง กล้วย หัวหอมใหญ่ กระเทียม เป็นต้น เพื่อเป็นอาหารให้จุลินทรีย์สุขภาพ และยังช่วย ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารประเภท Junk Food อาทิ อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง อาหารหมักดอง อาหารปิ้งย่าง ของทอด ของมัน หรืออาหารรสจัด ย่อยยาก รวมทั้งควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาหารเหล่านี้มีผลทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง
“ทั้งนี้ วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ก็มีส่วนช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู แข็งแรง และสร้างภูมิคุ้มกัน ได้แก่ 1) วิตามินซี พบมากในผักและผลไม้สด เช่น ส้ม มะละกอ ฝรั่ง มะนาว มะเขือเทศ พริกหวาน เป็นต้น ควรกินแบบสด หากนึ่งหรือผัด ควรใช้ระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อรักษาคุณค่าจากวิตามินซีไว้ได้ดียิ่งขึ้น 2) วิตามินเอ เช่น เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นม ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียวเข้ม ผักและผลไม้สีเหลืองและสีส้ม เช่น ตําลึง ผักบุ้ง แครอท ฟักทอง มันเทศสีเหลือง มะละกอสุก เป็นต้น 3) วิตามินดี ได้แก่ ปลานิล ปลาทับทิม เห็ด ไข่แดง เป็นต้น 4) วิตามินอี ได้แก่ ไข่ ผักและผลไม้ต่าง ๆ เช่น ถั่วต่าง ๆ นํ้ามันถั่วเหลือง นํ้ามันมะกอก นํ้ามันดอกทานตะวัน อะโวคาโด เป็นต้น และ 5) แร่ธาตุสังกะสี ได้แก่ เนื้อสัตว์ เครื่องใน ตับ หอยนางรม ข้าวกล้อง เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ป่วยลองโควิด-19 ควรสังเกตอาการผิดปกติของตนเอง หากมีอาการแย่ลง ควรรีบกลับมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ และรักษาต่อไป” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ปัจจัยที่ทำให้....?
โพรไบโอติกลดลง
โพรไบโอติก (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์มีชีวิต ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะเข้าไปตั้งรกรากอาศัยอยู่ในลำไส้
มีส่วนช่วยในระบบการขับถ่าย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เดิมจุลินทรีย์เหล่านี้จะอาศัยอยู่ที่ลำไส้และอยู่ในร่างกายของเรามาตั้งแต่แรกเกิด
แต่ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภคอาหารในแต่ละวัน อาจทำให้จุลินทรีย์เหล่านี้มีจำนวนลดน้อยลงได้
ปัจจัยที่ทำให้โพรไบโอติกในร่างกายมีจำนวนลดลงได้แก่
-การใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาแก้ปวดเป็นประจำมากเกินความจำเป็น
-การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย เช่น ไม่ค่อยทานผักผลไม้ ทานข้าวขัดขาว
-การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือน้ำตาลสูง
-การกินอาหารซ้ำๆ ไม่หลากหลาย
-การดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่
-ความเครียด ขาดการออกกำลังกาย
-พักผ่อนไม่เพียงพอ
-อยู่ระหว่างการรักษาด้วยยาบางชนิด
เมื่อขาดโปรไบโอติก คุณจะอ่อนเพลียง่าย ไม่มีแรง ท้องเสียหรือ ท้องผูกเรื้อรัง ผิวพรรณไม่สดใส เป็นสิวอักเสบเรื้อรัง หรือบางคนก็อาจมีอาการอื่นเพิ่มเติมซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกันอ่อนแอได้ด้วย
Probiotics
ส่วนประกอบสำคัญ
1. โปรตีนข้าวกล้อง
คุณสมบัติ : ช่วยลดน้ำหนัก ดูผอมเพรียว สุขภาพดี จากงานวิจัย ที่ชี้ให้เห็นว่าเปปไทด์ (หรือกรดอะมิโนที่เป็นหน่วยย่อยเล็กสุดของโปรตีน) ในข้าวกล้องสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่าข้าวชนิดอื่นๆเมื่อร่างกายได้รับโปรตีนจากข้าวกล้องก็ยังจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ
2.เบต้ากลูแคนจากโอ้ต
คุณสมบัติ : ลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดลง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) จากงานวิจัยทั่วโลก เบต้ากลูแคนยังมีส่วนช่วยสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งอีกด้วย ปรับสมดุลการทำงานในเซลล์ของร่างกาย ลดผลข้างเคียงของเคมีบำบัด (ฉายแสง) ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ฟื้นฟูตับอ่อน
3.โปรตีนถั่วลันเตา
คุณสมบัติ : เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรต ยังอุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ ช่วยสร้างความแข็งแรงแก่ร่างกาย และช่วยในการทำงานของกระดูก กล้ามเนื้อ และผิวหนัง
4. คอลลาเจนเปปไทด์จากปลา
คุณสมบัติ : ช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบ ข้อเสื่อมและทำให้ร่างกายซ่อมแซมเยื่อบุข้อได้เร็วขึ้น ทั้งยังเพิ่มมวลกระดูก ร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายจึงดูดซึมไปใช้ได้สูงถึง 85 -95% ช่วยเรื่องความงาม ลบเลือนริ้วรอย เส้นผมจะช่วยทำให้เส้นผมชุ่มชื่น ข้อดีของคอลลาเจนปลา คือ มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่าคอลลาเจนวัว ทำให้สามารถดูดซึมได้ง่าย
5. เวย์โปรตีน ไอโซเลท
คุณสมบัติ : เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิต้านทานในร่างกาย สำหรับคนสูงอายุ สำหรับผู้ที่ทานอาหารได้น้อยลง หรือทานอาหารไม่หลากหลาย เช่น มีภาวะเบื่ออาหารหรืออาหารไม่ย่อย ซึ่งอาจมีโอกาสขาดประโยชน์จากโปรตีน การเสริมเวย์โปรตีนไอโซเลทจะช่วยป้องกันการขาด และการดูดซึมโปรตีนเข้าไปในร่างกายทำได้ดี
6. แลคโตบาซิลลัส รามโนซัส
คุณสมบัติ : จุลินทรีย์มีชีวิต ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ผ่านการพิสูจน์ด้านประสิทธิภาพด้วยผลงานวิจัยที่มีมากที่สุดในโลก BB-12 บิฟิโดแบคทีเรียม อะนิมอนิส คือ จุลินทรีย์ที่ช่วยปรับสมดุลของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ได้รับการรับรองคุณภาพโดยสถาบันวิจัยชั้นนำ
7.แลคโตบาซิลลัส เอซิโดฟิลลัส
คุณสมบัติ : ที่อยู่ในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) จะเข้าไปช่วยย่อยคอเลสเตอรอล และยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลที่อยู่ในลำไส้ และทำการขับเอาคอเลสเตอรอล ออกมากับอุจจาระ จึงช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ เสริมภูมิคุ้มกัน
ทานวันสิกา โพรไบโอติก
อย่างไรให้มีสุขภาพดี
ทานวันละ 1-2 แคปซูล
-ช่วยเรื่องภูมิต้านทาน บำรุงสายตา บำรุงสมอง
-ช่วยเรื่องผิวพรรณเปล่งปลั่ง และชะลอวัย
ทานวันละ 3 แคปซูล
-ช่วยลดอาการภูมิแพ้ เหมาะสำหรับท่านที่มีอาการโรคภูมิแพ้
-บรรเทาอาการหวัด
หมายเหตุ :
-สามารถทานได้สูงสุด วันละ 3,000 มิลลิกรัม
-ทานได้ต่อเนื่องระยะยาว และไม่มีอันตรายต่อร่างกาย
เคล็ดลับสุขภาพ :
-การทานวันสิกา โพรไบโอติก ให้ได้ผล ควรทานวันละ 3 เวลา หลังอาหาร
-เพื่อเพิ่มการดูดซึมที่ดี และมีประสิทธิภาพ