Health knowledge
How to การดูแลสุขภาพ สไตล์วันสิกา
โพรไบโอติก..! Is good For Health
เทรนด์ Anti-Aging ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับการดูแลสุขภาพให้มีสุขภาพดีห่างไกลโรค การดูแลภาพลักษณ์ให้ดูดี มีรูปร่างผิวพรรณที่ดีอ่อนกว่าวัย เวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-Aging and Regenerative Medicine) สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีทั้งในด้านส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค นอกจากนี้ยังช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายโดยมีวิธีการต่างๆที่สามารถฟื้นฟูความเสื่อมที่เกิดขึ้นได้ เรียกได้ว่ามาแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับการดูแลสุขภาพให้มีสุขภาพดีห่างไกลโรค การดูแลภาพลักษณ์ให้ดูดี มีรูปร่างผิวพรรณที่ดีอ่อนกว่าวัย โดยหลักการของเวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพนั้นให้ความสำคัญที่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม จะค้นหาปัจจัยทั้งหมดที่มีผลต่อสุขภาพ และแก้ปัจจัยนั้น เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ร่างกายของเรานั้นมหัศจรรย์มากมีกระบวนการที่ขับเคลื่อนภายในมากมาย และซับซ้อน ไม่อาจกล่าวถึงได้หมด ตัวอย่างเช่น กระบวนการสร้างพลังงาน การกำจัดสารพิษ ระบบภูมิคุ้มกันเมื่อกระบวนการในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะแข็งแรงมีพลังไม่อ่อนเพลีย จิตใจ และอารมณ์ดี ไม่ติดเชื้อไม่ป่วยบ่อย หรือ ป่วยก็มีอาการไม่รุนแรง และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ห่างไกลจากโรคมะเร็งเป็นต้น
วิธีการดูแลร่างกาย ฉบับวันสิกา โพรไบโอติก ประกอบด้วย
วิธีการดูแลร่างกาย ฉบับวันสิกา โพรไบโอติก ประกอบด้วย
1.คิดดี จิตดี (Good thought , Good mind)
2.อากาศดี (Good Environment)
3.อาหารดี (Good Food)
4.ออกกำลังกายดี (Good Exercise)
5.อาหารเสริมที่ดี (Good Supplementary Food)
ยิ่งในยุค New Normal : ชีวิตที่สวยงาม สุขภาพดี และมีอายุที่ยืนยาว คือความต้องการของมนุษย์เรา
รู้สึกอ่อนเพลียง่าย
รู้สึกอ่อนเพลียง่าย สาเหตุอาจไม่ได้มากจากการนอนพักผ่อนที่ไม่เพียงพอเพียงอย่างเดียว หาคำตอบได้ที่นี่..!
การที่เรารู้สึก “อ่อนเพลียง่าย ไม่ค่อยมีเรี่ยวเเรง” โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มักมีอายุ 30 ปีขึ้นไปนั้น มักจะรู้สึกเหนื่อยง่ายไปหมด ไม่ว่าเวลาจะทำอะไร ทั้งๆที่ก็นอนเต็มที่ รับทานอาหารครบ เเต่ก็ยังมีอาการอ่อนเพลียง่าย ซึ่งสาเหตุที่จริงเเล้วอาจจะไม่ได้มาจาก “การนอนหลับ” ที่ไม่เพียงพอเสมอไป และมักเมีหลายปัจจัยที่ทำให้เป็นเเบบนี้ได้
ซึ่งความสาเหตุหลักคือ
อันดับแรก : ปัญหาอาจจะเกิดจากสิ่งเร้าที่กระตุ้นทำให้เกิด #ความเครียด ซึ่งมันก็จะสะสมรวมกันเป็นกลุ่มก้อนที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เเล้วอยู่ในสมอง เเล้วฝังลงไปใตจิตสำนึกแบบไม่รู้ตัว จนส่งผลกับสภาพจิตใจได้
อันดับต่อมา : คือการกรน การนอนกรนดูเหมือนจะไม่ได้เป็นปัญหากับร่างกายเท่าไหร่ เเต่ก็เเผงด้วยความน่ากลัว เพราะถึงเเม้เราจะนอนเต็มที่ เต็มเวลา เเต่การกรนส่งผลทำให้ร่างกายหยุดหายใจเป็นช่วงๆ จึงทำให้คุณภาพในการนอนไม่ดี นอนหลับไม่ต่อเนื่อง จนกลายเป็นปัญหามาถึงสภาพจิตใจของเราได้
รู้สึกเบื่ออาหาร...ท้องอืด..ต้องอ่าน
บ่อยครั้งที่เรามีอาการเบื่ออาหาร ไม่หิว หรือไม่อยากทานอาหาร และปัญหาท้องอืดบ่อยๆ ซึ่งในหลักทางการแพทย์ก็มีระบุไว้ว่า เป็นสาเหตุของอาการเกิดโรคต่างๆ มากมาย และในบทความนี้จะเล่าถึง “อาการที่เรารู้สึกเบื่ออาหาร หรือไม่อยากทานอาหาร เเละอาการท้องอืดบ่อยๆ ” มักเกิดจากสาเหตุอะไร มาจากไหน เเล้วต้องกินอะไรเข้าไปเพื่อป้องกัน ไม่ให้เราต้องกลับไปรู้สึกแบบนั้นอีก ตามไปดูกันครับ
สาเหตุหลักๆของการท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อเกิดมักเกิดจาก
การกินอาหารเยอะไปหรือ กินเร็วไป ทำให้อาหารไม่ย่อย เกิดอาหารสะสมในลำไส้ และเกิดกระบวนการหมักขึ้น ทำให้ลมสะสมในลำไส้จำนวนมาก
แบคทีเรียในลำไส้เสียสมดุล ทำให้แบคทีเรียมีการเติบโตมากผิดปกติ เราเรียกว่า Small intestinal bacterial overgrowth หรือจะเรียกอีกอย่างว่า “SIBO” ก็ได้เหมือนกัน แล้วทำไมอยู่ๆแบคทีเรียก็เสียสมดุลขึ้นมา นั่นก็มาจากกิจกรรมของเราท้ังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรับสารบางอย่างเข้ามาในร่างกายขณะใช้ชีวิตประจำวัน การกินอาหาร junk food อาหารหวานๆ มันๆ ความเครียดและรวมถึงผลจากการกินยาบางชนิดด้วย
แม้ว่าระบบขับถ่ายดีอยู่แล้ว
..แต่ทำไมต้องทานโพรไบโอติก?
หลายครั้งที่เรามองว่า “การขับถ่าย” ที่ดี เเละ เป็นปกติ ควรจะอยู่ในช่วงเช้า เพื่อให้การทำงานในเเต่ละวันของร่างกาย เป็นไปอย่างราบลื่น เเล้ว “ทำไมขับถ่ายดีอยู่เเล้ว จำเป็นต้องต้องกินโพรไบโอติก” เพราะโพรไบโอติก นั้นมีประโยชน์กับร่างกายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยทำให้ท้องไม่อืด ปรับสมดุลลำไส้ หรือปัญหาอื่นๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
โพรไบโอติก เป็นแบคทีเรียตัวดี ที่อยู่ในลำไส้ เมื่อมีแบคทีเรียตัวดีอยู่มาก แบคทีเรียตัวที่ไม่ดีจะไม่สามารถเติบโตได้ และทำให้การทำงานของลำไส้เราเป็นปกติ เมื่อร่างกายเราเป็นปกติดีแล้ว สิ่งที่ได้รับคือแบคทีเรียตัวดี เป็นส่วนสำคัญในการผลิตฮอโมนที่สำคัญของร่างกายในลำไส้ ได้แก่
-Serotonin เป็นสารที่ทำให้รู้สึกสงบ ถ้าขาดแล้วอาจจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า โรคเครียด
-Dopamine ควบคุมอารมณ์ความรู้สึก ทำให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจ รู้สึกกระฉับกระเฉง
-Gamma-aminobutyric acid ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
แบคทีเรียตัวดี ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ลดอาการเจ็บป่วย แบคทีเรียตัวดี ช่วยต้านแบคทีเรียที่ก่อโรคในลำไส้ ซึ่งอาจจะสร้างสร้างพิษในร่างกาย และทำให้เกิดปัญหาต่างๆจากภายใน ทั้งอักเสปเรื้อรังในลำไส้ ภาวะการอ้วนผิดปกติ หรืออาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวได้อีกด้วย ซึ่งถึงเเม้ว่าเราจะดูแลสุขภาพ ถ่ายเป็นอย่างดี เเต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ระบบภายในของเราจะดีตามไปด้วย เราจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่ม จุลินทรีย์ ที่ดีอย่าง “โพรไบโอติก” ลงไป เพื่อทำให้ลำไส้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้เขียนจึงมีตัวช่วยดีๆ ง่ายๆ ที่จะทำให้ #โพรไบโอติก ไปช่วยปรับสมดุลลำไส้ได้อย่างทันเวลาด้วย Wansiksa Probiotic บรรจุ 60 เเคปซูล ที่อัดเเน่นไปด้วยสุดยอดคุณค่า เเละ ประโยชน์ ให้ผลเต็มประสิทธิภาพ เพราะสุขภาพลำไส้ดี ควรเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
แปรงฟันบ่อย
แต่ทำไมยังมีกลิ่นปาก หาคำตอบได้ที่นี่..
กลิ่นปากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยที่ถ้าหากไม่ใช่เพื่อนที่สนิท ก็คงไม่กล้ามีใครมาบอกคุณว่า “คุณมีกลิ่นปาก” เเต่ก็อาจสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หลายวิธี เช่น การซื้อลูกอม หรือ หมากฝรั่งให้ เเล้วกลิ่นปากมาจากไหนหละ ถ้าเราเเปรงฟันตลอด?
สาเหตุหลักๆ ของกลิ่นปาก
มักเกิดจากการเสียสมดุลของแบคทีเรียในช่องปาก ทำให้มีแบคทีเรียตัวที่ไม่ดีเติบโตได้เยอะในช่องปาก เช่นแบคทีเรียที่ชื่อ Fusobacterium nucleatum จะปล่อยสารละเหยที่มี sulfur เป็นองค์ประกอบ ซึ่งมีกลิ่นเหมือนกับไข่เน่า ลำไส้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วทำไมลำไส้เนี่ยนะจะทำให้มีกลิ่นปาก ก็เนื่องจากเมื่อแบคทีเรียในลำไส้เสียสมดุล แบคทีเรียตัวไม่ดีมักจะทำให้เกิดแก๊ซ ที่ลำไส้ที่มีกลิ่นเหม็น โดยที่แก๊ซส่วนมากจะถูกผ่ายลมออกมา แต่ก็มีบางส่วนถูกดูดซึมผ่านกระแสเลือด และปลดปล่อยออกมาผ่านทางปอดนั่นเอง
วิธีการถนอมหัวใจ ง่ายๆ ใน 7 วิธี !
1.ลดอาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง โดยเฉพาะผู้ที่ตรวจพบว่าโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ควรงด ไขมันสัตว์ เครื่องใน นมเนย ไข่แดง มันกุ้ง ปู หอยนางรม กะทิ เป็นต้น
2.ตรวจความดันโลหิต ถ้าความดันโลหิตสูงต้องรักษา ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจำนวนมากไม่มีอาการจะรู้ได้ว่าความดันโลหิตสูง โดยต้องวัดค่าความดันโลหิตเท่านั้น ผู้ที่อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป จึงควรตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
3.งดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด เพราะบุหรี่เป็นตัวเร่งให้เกิดโรคที่รุนแรงมาก การจะเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ ต้องอาศัยความตั้งใจจริง มีกำลังใจ และความอดทนสูง
4.อย่าปล่อยตัวให้อ้วนเกินไป ควบคุมน้ำหนักตัวด้วยการจัดสัดส่วนอาหาร ลดพวกแป้ง ของหวาน และไขมัน ปริมาณอาหารให้เพียงพอเท่าที่จะไม่ทำให้น้ำหนักเกิน
5.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกวิธีออกกำลังกายตามความสามารถของแต่บุคคล อย่าหักโหม สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคปอด และเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย
6.อย่าวิตกกังวลเกินไปโดยไม่จำเป็น ใช้ชีวิตอย่างสงบ หลีกเลี่ยงความตึงเครียดและความกดดัน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และผ่อนคลายให้มาก
7.ตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างจริงจัง
ทำไมปัสสวะบ่อย หาคำตอบได้ที่นี่..!
โดยปกติคนทั่วไปจะปัสสาวะกลางวันไม่เกิน 8 ครั้ง ปัสสาวะกลางคืนไม่เกิน 2 ครั้ง หากบ่อยกว่านี้อาจมีสาเหตุหรือความผิดปกติบางอย่างที่ควรระวังดังนี้
-โรคเบาหวาน
-โรคเบาจืด
-กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
-กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน
-กระเพาะปัสสาวะถูกกดเบียดจากอวัยวะข้างเคียง เช่น เนื้องอกมดลูก เนื้องอกรังไข่ การตั้งครรภ์
-โรคไตเสื่อมเรื้อรัง ทำให้ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะช่วงกลางคืน
-ต่อมลูกหมากโต ในผู้ชาย
-การรับประทานยาหรืออาหารบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
-การดื่มน้ำมากเกินไป
ถ้ามีอาการปัสสาวะบ่อยเกินไป เบื้องต้นอาจลองลดปริมาณน้ำที่ดื่มร่วมกับหลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลให้ปัสสาวะบ่อย จากนั้นสังเกตุว่ายังมีปัญหาปัสสาวะบ่อยอยู่หรือไม่ หากอาการดีขึ้นแสดงว่าสาเหตุเกิดจากอาหารและปริมาณน้ำที่รับประทาน แต่ถ้ายังคงปัสสาวะบ่อยผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง
คันรอบทวาร เกิดจากสารเหตุอะไร ต้องอ่าน...!
อาการคันรอบทวารหนักเป็นอาการที่พบได้บ่อยๆ แม้อาจดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงใดๆ แต่อาจสร้างความรำคาญให้กับบางคนจนนอนไม่ หลับเพราะอาการคันมักจะเป็นมากตอนกลางคืนก่อนนอน และบางครั้งอาการคันนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคที่สำคัญบางอย่างได้ อาการคันรอบทวารหนักเป็นอาการที่พบได้บ่อยๆ แม้อาจดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงใดๆ แต่อาจสร้างความรำคาญให้กับบางคนจนนอนไม่ หลับเพราะอาการคันมักจะเป็นมากตอนกลางคืนก่อนนอน และบางครั้งอาการคันนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคที่สำคัญบางอย่างได้ เรามาดูกันว่าอาการคันรอบทวารหนักเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
1.การระคายเคืองผิวหนังบริเวณรอบทวารหนักจากสาเหตุต่างๆ เช่น ความร้อนชื้น ครีมอาบน้ำ น้ำยาซักผ้า กระดาษชำระ ตกขาวในผู้หญิง
2.การติดเชื้อบริเวณผิวหนังรอบทวารหนัก เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
3.โรคผิวหนัง เช่น ผื่นแพ้ผิวหนัง สะเก็ดเงิน
4.แผลหรือก้อนบริเวณทวารหนัก เช่น ริดสีดวงทวาร ต่ิงเนื้อ แผลรอบรูทวาร
5.การติดเชื้อพยาธิเข็มหมุด (พยาธิเส้นด้าย) ทำให้เกิดอาการคันรอบรูทวารหนัก โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่พยาธิออกมาวางไข่
6.โรคเรื้อรังบางชนิดที่ทำให้เกิดอาการคัน โดยมักมีอาการคันบริเวณอื่นๆร่วมด้วย เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคไทรอยด์ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
7.การรับประทานอาหารบางชนิด อาจทำให้มีอาการคันรอบรูทวารหลังถ่ายอุจจาระ เช่น นมวัว แอลกอฮอล์ อาหารรสจัด เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
จะเห็นได้ว่าอาการคันรอบรูทวารมีสาเหตุได้หลากหลาย ถ้าท่านใดมีอาการดังกล่าวควรสังเกตุและหลีกเลี่ยงพฤติกกรมที่อาจทำให้เกิดอาการ รักษาความสะอาด งดการเกา ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือพบว่ามีผื่น แผล ก้อนผิดปกติรอบรูทวาร หรืออาการคันเป็นมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง
(บทความจากโรงพยาบาลสินแพทย์)
สัญญาณเตือนมะเร็งตับ
มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆในประชากร โดยพบได้ในเพศชายบ่อยกว่าเพศหญิง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ตรวจพบมักมีการดำเนินโรคอยู่ในระยะหลังๆ ที่ไม่สามารถรักษาได้แล้วจนนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด ดังนั้นเราควรทราบถึงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับเพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค และทราบถึงอาการที่ต้องเฝ้าระวัง เมื่อมีอาการที่สงสัยควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับมีอะไรบ้าง ?
1. โรคตับแข็งจากทุกสาเหตุ
2. โรคไวรัสตับอักเสบ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบีมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับสูงกว่าคนที่ไม่เป็นพาหะ 100- 300 เท่า
3. การดื่มแอลกอฮอล์ ปริมาณแอลกฮอล์ที่ดื่มมากขึ้นจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับมากขึ้น
4. การรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารพิษอะฟลาท็อกซิน
5. ภาวะธาตุเหล็กสะสมที่ตับ
5. ความอ้วน โรคเบาหวาน
6.การได้รับยาหรือสารอื่นๆที่มีพิษต่อตับ เช่น สารกำจัดศัตรูพืช
7.ผู้ที่มีประวัติญาติสายตรงในครอบครัวเป็นมะเร็งตับ